พันธะเคมี
มี3พันธะ ได้เเก่ พันธะโคเวเลนต์
พันธะไอออนิก
พันธะโลหะ
พันธะโคเวเลนต์ เป็นเเรงยึดเหนี่ยวภายในโมเลกุล ระหว่างอะตอมของโลหะชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกันเเต่มีค่า EN ใกล้เคียงกัน มีค่า IE สูงทั้งคู่
*ยกเว้น B เเละ Be เป็นธาตุโลหะยึดกับอโลหะ สามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์ได้
*การเกิดพันธะโคเวเลนต์อยากได้เวเลนต์อิเล็กตรอนเท่าไรต้องให้ไปเท่านั้น
ชนิดของพันธะโคเวเลนต์
1 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว
2 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ เรียกว่า พันธะคู่
3 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่ เรียกว่า พันธะสาม
*ยกเว้น B เเละ Be เป็นธาตุโลหะยึดกับอโลหะ สามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์ได้
*การเกิดพันธะโคเวเลนต์อยากได้เวเลนต์อิเล็กตรอนเท่าไรต้องให้ไปเท่านั้น
ชนิดของพันธะโคเวเลนต์
1 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เรียกว่า พันธะเดี่ยว
2 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ เรียกว่า พันธะคู่
3 พันธะที่เกิดจากการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่ เรียกว่า พันธะสาม
มี 2 โครงสร้าง
1 โครงสร้างลิวอิสเเบบจุ
2 โครงสร้างลิวอิสเเบบเส้น
การเขียนสูตรพันธะเคมีเเบบเส้นจากสูตรโมเลกุล
1 หาอะตอมกลาง ( อะตอมกลางหมายถึง ธาตุที่มีความต้องการเวเลนต์อิเล็กตรอนมากที่สุด )
2 วางตำเเหน่งอะตอมกลาง เเล้วเอาอะตอมอื่นล้อมรอบ
3 ใส่เเขนของเเต่ละอะตอมเท่ากับจำนวนพันธะโคเวเลนต์ที่อะตอมจะเกิด
การเขียนสูตรพันธะเคมีเเบบจุดจากสูตรโมเลกุล
1 เขียนสูตรเเบบเส้น ต่อจากนั้นเปลี่ยนเส้นพันธะ 1เส้น= 2จุด
2 อาจเขียนอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของอะตอมกลางด้วยก็ได้
พลังงานความยาวพันธะ
ค่า EN สูง ค่า EN ต่ำ
↓ ↓
คาวมสามารถในการดึงดูด คาวมสามารถในการดึงดูด
อิเล็กตรอนของอะตอมมาก อิเล็กตรอนของอะตอมน้อย
↓ ↓
เเรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมมาก เเรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมน้อย
↓ ↓
อะตอมอยู่ใกล้กัน อะตอมอยู่ไกลกัน
↓ ↓
ความยาวพันธะน้อย ความยาวพันธะมาก
การเปรียบเทียบความยามพันธะ
1วาดโครงสร้างก่อน
2ดูตัวร่วม
การสลายพันธะ คือ การทำลายพันธะเดิม โดยการดูดความร้อน จากสิ่งเเวดล้อมเข้าสู่ระบบ
การสร้างพันธะ คือ การสร้างพันธะใหม่ โดยการคายความร้อน จากสิ่งเเวดล้อมเข้าสู่ระบบ
สภาพขั้วโคเวเลนต์
1 พันธะโคเวเลนต์ไม่มีขั้ว ( Non-polar covalent bond ) เกิดจากอะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน มีค่า EN เท่ากัน
2 พันธะโคเวเลนต์มีขั้ว ( polar covalent bond )เกิดจากอะตอมของธาตุต่างกัน มีค่า EN ไม่เท่ากัน
มีเเรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล 3 เเรง
1 เเรงลอนดอน ( เเข็งเเรงน้อยสุด)
*โมเลกุลที่มีเเเรงลอนดอนอย่างเดียว คือ โมเลกุลไม่มีขั้ว
2 เเรงดึงดูดระหว่างขั้ว หรือ เเรงไดโพล -ไดโพล
เเรงยึดระหว่างโมเลกุลที่มีขั้ว
3 พันธะไฮโดเจน ( เเข็งเเรงมากสุด)
เเรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
พันธะไอออนิก เป็นพันธะเคมีชนิดหนึ่ง เกิดจากที่อะตอมหรือกลุ่มของอะตอมสร้างพันธะกันโดยที่อะตอมหรือกลุ่มของอะตอมให้อิเล็กตรอนกับอะตอมหรือกลุ่มของอะตอม ทำให้กลายเป็นประจุบวก ในขณะที่อะตอมหรือกลุ่มของอะตอมที่ได้รับอิเล็กตรอนนั้นกลายเป็นประจุลบ เนื่องจากทั้งสองกลุ่มมีประจุตรงกันข้ามกันจะดึงดูดกัน ทำให้เกิดพันธะไอออน โดยทั่วไปพันธะชนิดนี้มักเกิดขึ้นระหว่างโลหะกับอโลหะ โดยอะตอมที่ให้อิเล็กตรอนมักเป็นโลหะทำให้โลหะนั้นมีประจุบวก และอะตอมที่รับอิเล็กตรอนมักเป็นอโลหะ จึงมีประจุลบ ไอออนที่พันธะไอออนมีความแข็งแรงมากกว่าพันธะไฮโดรเจน แต่แข็งแรงพอ ๆ กับพันธะโคเวเลนต์
สมบัติของสารประกอบไอออนิก
1 จุดเดือดจุดหลอมเหลว เกิดจากเเรงยึดเหนี่ยวประจุไฟฟ้า ที่มีความเเข็งเเรงสูง
2 เป็นของเเข็งที่เปราะเเละเเตกง่าย
3 ส่วนใหญ่ละลายน้ำได้
4 ความดันไอน้ำต่ำระเหยยาก เนื่องจากอนุภาคยึดกันเเน่นหลุดจากกันยาก
5 ไม่ลุกไหม้หรือติดไฟ เนื่องจากไอออนิกเป็นสารอนินทรีย์เกิดจากเเร่ธาตุ
6 เกิดปฏิกิริยาได้รวดเร็วเนื่องจากเป็นปฏิกิริยาระหว่างไอออนบวกเเละไอออนลบ
7 สารประกอบไอออนิกจะอยู่เป็นโครงผลึก
8 ในสภาวะปกติสารประกอบไอออนิกจะไม่นำไฟฟ้า เเต่สารประกอบไอออนิกในสภาวะที่หลอมเหลวหรือเป็นสารละลายน้ำจะนำไฟฟ้าไดดี
9 พันธะไอออนิกเขียนสูตรไม่ได้ เขียนเเทนสูตรอย่างง่าย
10 สารประกอบไอออนิกมีประจุไฟฟ้าเป็นกลาง บวก ลบ
พลังงาน
พลังงานแลตทิซ (Lattice energy)
คือ พลังงานที่คายออกมารวมกันเป็นของแข็งไอออนิก 1 โมล
พลังงานไฮเดรชัน (Hydration energy)
คือ พลังงานที่คายออกมาเมื่อไอออนของก๊าซรวมกับน้ำ
เกณฑ์การละลายน้ำ
1ละลายน้ำได้ = ละลายน้ำได้มากกว่า 1 กรัม / น้ำ100มิลลิลิตร
2ละลายน้ำได้เล็กน้อย = ละลายน้ำได้ 0.1-1 กรัม / น้ำ100มิลลิลิตร
3ไม่ละลายน้ำ = ละลายน้ำได้น้อยกว่า 0.1 กรัม / น้ำ100มิลลิลิตร
พันธะโลหะ เป็นพันธะภายในโลหะซึ่งเกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนย้าย อิเล็กตรอน อิสระระหว่างแลตทิซของอะตอมโลหะ ดังนั้นพันธะโลหะจึงอาจเปรียบได้กับเกลือที่หลอมเหลวอะตอมของโลหะมีอิเล็กตรอนพิเศษเฉพาะในวงโคจรชั้นนอกของมันเทียบกับคาบ (period) หรือระดับพลังงานของพวกมัน อิเล็กตรอนที่เคลื่อนย้ายเหล่านี้เปรียบได้กับทะเลอิเล็กตรอน(Sea of Electrons) ล้อมรอบเเลตทิชขนาดใหญ่ของไอออนบวก ยังไม่สามารถเขียนเป็นสูตรทางเคมีได้ เพราะไม่ทราบจำนวนอะตอมที่แท้จริง พันธะโลหะอาจจะมีเป็นล้าน ๆ อะตอมก็ได้
พันธะโลหะเทียบได้กับพันธะโคเวเลนต์ที่เป็น นอน-โพลาร์ ที่จะไม่มีในธาตุโลหะบริสุทธ์ หรือมีน้อยมากในโลหะผสม ความแตกต่างอิเล็กโตรเนกาทิวิตีระหว่างอะตอม ซึ่งมีส่วนในปฏิกิริยาพันธะ และอิเล็กตรอนที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาจะเคลื่อนย้ายข้ามระหว่างโครงสร้างผลึกของโลหะ
พันธะโลหะเป็นแรงดึงดูดไฟฟ้าสถิต (electrostatic attraction) ระหว่างอะตอม หรือไออนของโลหะ และอิเล็กตรอนอิสระ(delocalised electrons) นี่คือเหตุว่าทำไมอะตอมหรือชั้นของมันยอมให้มีการเลื่อนไถลไปมาระหว่างกันและกันได้ เป็นผลให้โลหะมีคุณสมบัติที่สามารถตีเป็นแผ่นหรือดึงเป็นเส้นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น